" ความงามที่มองผ่านเลนส์ หรือจะสู้มาเห็นกับตา " 
การเดินทางต้องเช็คน้ำขึ้น-น้ำลง เวลาที่ไปได้ จะขึ้นอยู่กับระดับน้ำทะเล  ใช้เวลาตลอดทริป 3-4 ชั่วโมง
กำหนดขั้นต่ำต้องมี 10 ท่าน ถึงจะนำเที่ยวค่ะ (น้อยกว่า10 ท่านสามารถเหมาจ่าย)

​

       ตำแหน่งของถ้ำตั้งอยู่ที่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล (ลูกค้าต้องเดินทางไปถึงถ้ำก่อนเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าถ้ำ) ถ้ำมีความยาว 2,569.62 เมตร เดิมชื่อว่า "ถ้ำวังกล้วย" แต่เหตุผลที่เปลี่ยนเป็น "ถ้ำเล สเตโกดอน" ก็เพราะว่ามีการค้นพบซากฟอสซิลของช้างสเตโกดอน ซึ่งเป็นชื่อช้างดึกดำบรรพ์ มีอายุเก่าแก่ ที่สำคัญค้นพบแห่งแรกและแห่งเดียวในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ในศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช พิพิธภัณฑ์ช้างทุ่งหว้า

       นอกจากความพิเศษในแง่โบราณคดีแล้ว ถ้ำเลสเตโกดอนยังเปี่ยมคุณค่าทางสายตาอันเป็นประจักษ์พยานสายตานักท่องเที่ยวทุกคน ใครลองได้เข้าไปสัมผัส ต้องตะลึงไปกับประกายระยิบระยับพวกแร่แคลไซด์ ที่เคลือบอยู่ตามก้อนหินรูปทรงชวนแปลกตาภายในถ้ำ และกระตุ้มต่อมจินตนาการนักท่องเที่ยวอย่างเราให้พลุ่งพล่าน สุดแล้วแต่จินตนาการว่าหน้าตาของหินแต่ละก้อนเหมือนกับอะไร

• หินย้อยนางฟ้า  หินย้อยฝักบัว หินย้อยปีกนางฟ้า 

• ลานหยาดพิรุณ  สามแยกรูปตัว Y ห้องประติมากรรมฝาผนัง  ท้องพระโรง 

• หัวใจช้าง ปอดช้าง หัวใจที่ปลายอุโมงค์ ฟอสซิลนอร์ติลอยด์

   

1. นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งเรือแคนนู แต่ละลำจะมีฝีพายคอยทำหน้าที่เป็นไกด์คอยให้ข้อมูลกับเรา ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจะต้องสวมเสื้อชูชีพ หมวกกันกระแทก และไฟฉายคาดหัว (ซึ่งไม่ต้องห่วงเพราะฝีพายจะเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ให้เรียบร้อย) ถ้ำมีที่กว้างขวาง จึงทำให้มีอากาศถ่ายเท มีลมที่พัดเข้ามาปะทะผิวกายให้รู้สึกเย็นสบาย

2. นั่งเรือแคนูเข้าไปในถ้ำ นอกจากการนั่งชมถ้ำไปแบบสวย ๆแล้ว เราจะได้ตื่นเต้นและเร้าใจแบบนิด ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพน้ำขึ้นน้ำลงภายในน้ำล้วน ๆ ถ้าช่วงไหนน้ำน้อยก็ต้องพายเรือช้าหน่อย และอาจต้องช่วยยกเรือข้ามโขดหิน หรือบางช่วงจังหวะก็มีน้ำไหลลงจากผนังถ้ำคล้ายน้ำตก 

3. ออกจากถ้ำเลสเตโกดอนแล้วจะเจออะไร สิ้นสุดทางยาวกว่า 4 กิโลเมตรแล้วนั้น ก็มาถึงตรงบริเวณปากทางออก ที่มีลักษณะคล้ายกับรูปหัวใจ ดูคล้ายกับว่าถ้ำเลสเตโกดอนกำลังทำการประทับความรักไว้ให้กับเราทุกคนก่อนออกจากถ้ำ ให้เราได้แชะภาพที่ระลึกก่อนออกจากถ้ำ พ้นจากปากถ้ำคุณจะเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของป่าชายเลนที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งของเมืองไทย